04.00 น. คณะผู้เดินทางพร้อมกัน ณ สนามบินดอนเมืองชั้น 3 เคาน์เตอร์สายการบิน THAI AIR ASIA เจ้าหน้าที่คอยให้การต้อนรับ แจกเอกสารการเดินทาง และอำนวยความสะดวกท่าน ขณะเช็คอินและโหลดสัมภาระ
06.30 น. ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ โดยสายบิน THAI AIRASIA เที่ยวบินที่ FD3102 **ขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนสายการบิน ในกรณีที่มีการยกเลิกเที่ยวบิน, การเปลี่ยนแปลงเวลาเดินทางของเที่ยวบินหรือจำนวนที่นั่งไม่เพียงพอ **
(ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 1.35 ชั่วโมง) ราคาทัวร์เฉพาะน้ำหนัก ถือขึ้นเครื่องได้น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม)
08.05 น. เดินทางถึงสนามบินหาดใหญ่ จากนั้น นำท่าน เดินทางไปยัง ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ศาลเจ้าที่มีความศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองปัตตานีมาแต่โบราณให้ท่านได้ขอพรเรื่องสุขภาพ การค้าขาย และหน้าที่การงาน ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เป็นศาลเจ้าเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของ จ.ปัตตานี ศาลเจ้านี้จึงมีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นที่ศรัทธาของสาธุชนเสมอมา ตามตำนานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ได้กล่าวว่า เป็นหญิงชาวจีนตระกูลลิ้มหรือหลิม มีพี่ชายชื่อลิ้มโต๊ะเคี่ยมซึ่งต่อมาได้เดินทางมารับราชการที่เมืองปัตตานีและสมรสกับธิดาของเจ้าเมือง เข้ารีตอิสลามและไม่หวนกลับบ้านเกิดเมืองนอน มารดาที่อยู่ในประเทศจีนก็คิดถึงบุตรชายยิ่งนักเพราะไม่ติดต่อกลับมาเลย ลิ้มกอเหนี่ยวสงสารมารดาจึงอาสาออกตามหาพี่ชาย จนพบกับลิ้มโต๊ะเคี่ยมที่บ้านกรือเซะ และอาศัยอยู่ที่นั่นยาวนานก็เพื่อชวนให้พี่ชายกลับเมืองจีนไปพบมารดา แต่พี่ชายกลับปฏิเสธเพราะกำลังสร้างมัสยิดกรือเซะ เมื่อไม่สามารถทำให้พี่ชายกลับประเทศจีนตามความประสงค์ของมารดา ลิ้มกอเหนี่ยวจึงผูกคอตายใต้ต้นมะม่วงหิมพานต์ ด้วยความอาลัย ลิ้มโต๊ะเคี่ยมจึงสร้างฮวงซุ้ยให้แก่น้องสาวตามประเพณี แต่เมื่อชาวจีนได้ทราบถึงความกตัญญูรักษาสัตย์ จึงมีชาวบ้านไปบนบาน ก่อนนำไม้มะม่วงหิมพานต์นั้นมาแกะสลักเป็นรูปเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวประดิษฐานไว้ที่ศาลเจ้ากรือเซะ ภายหลังได้ย้ายไปประดิษฐาน ณ ศาลเล่งจูเกียงจนถึงปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับนับถือในกลุ่มชาวไทยเชื้อสายจีนสืบต่อมา แม้กระทั่งลูกหลานชาวจีนที่เปลี่ยนเข้ารับศาสนาอิสลามและใช้ภาษามลายูไปแล้ว แต่บางส่วนก็มีไปขอพรหรือบนบานกับเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ในวันฮารีรายอก็จะมีการเซ่นสรวงเจ้าแม่ และเมื่อพิธีแห่เจ้าแม่เดือนสามชาวมุสลิมเชื้อสายจีนก็จะไปชมขบวนเพื่อระลึกถึง
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (1)
สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางต่อไปยัง อำเภอเบตง ระหว่างทางนำท่านจอดแวะถ่ายรูปบริเวณ สะพานข้ามเขื่อนบางลาง บริเวณบ้านคอกช้าง อ.ธารโต สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อเล่นระยะทางในการเดินทาง จากเดิมที่จะต้องไปตามไหล่เขา เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะพักถ่ายรูปและยืดเส้นยืดสายก่อนจะเดินทางต่อ
อำเภอเบตง ตั้งอยู่ใต้สุดฝั่งตะวันตกของประเทศไทย มีเขตแดนติดกับประเทศมาเลเซีย โอบล้อมด้วยแนวเทือก เขาสันการาคีรี ด้วยภูมิประเทศแบบนี้จึงทำให้เบตงมีอากาศที่ดี อากาศเย็น และมีหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี ดังคำขวัญประจำอำเภอที่ว่า “เมืองในหมอก ดอกไม้งาม ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน” ระหว่างทางแวะ Check In ป้ายโอเค เบตง
พักที่ Grand Madarin Betongหรือเทียบเท่า 4 ดาว
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตราคาร (2)
จากนั้น นำท่านชมแสงสีสวยงามของ อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ ที่เจาะเพื่อลดระยะทางสัญจรในตัวเมือง เบตง
นำท่านชม วงเวียนหอนาฬิกาเบตง ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างเก่าแก่อยู่เคียงคู่กับเมืองเบตงมาช้านาน หอนาฬิกาแห่งนี้สร้างเป็นสัญลักษณ์จุดศูนย์กลางของเมือง ณ บริเวณจุดตัดของถนนสุขยางค์กับถนนรัตนกิจ ด้วยหินอ่อนขาวนวลอันเลื่องชื่อจากยะลา
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ สนามบินเบตง ที่ตกแต่งด้วยไม้ไผ่ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น สวยเก๋ไก๋ ให้ท่านได้เก็บภาพความประทับใจ “สนามบินเบตง” หรือ “ท่าอากาศยานนานาชาติเบตง” ตั้งอยู่ที่ตำบลยะรม อำเภอเบตง จังหวัดยะลา โดยห่างจากตัวเมืองเบตงไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นท่าอากาศยานแห่งใหม่ ลำดับที่ 29 สังกัดกรมท่าอากาศยาน กระทรวงคมนาคม แลนับเป็นท่าอากาศยานแห่งที่ 39 ของประเทศไทย
จากนั้น นำทุกท่านเดินทางต่อไปยัง วัดพุทธาธิวาสพระอารามหลวง ตั้งอยู่ริมถนนรัตนกิจ เป็นวัดที่สวยงาม ตั้งเด่นสง่าอยู่บนเนินเขาพระประธานในอุโบสถคือรูปเหมือนหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ขนาดเท่าองค์จริง ภายในวัดประดิษฐานพระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ ก่อสร้างแบบศรีวิชัยประยุกต์ สีทองอร่าม มีความสูง 39.9 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 60 พรรษาจากบริเวณลานเจดีย์จะมองเห็นทัศนียภาพของวัดและเมืองเบตงในอีกมุมที่สวยงาม นอกจากนี้ ภายในวัดยังประดิษฐานพระพุทธธรรมกายมงคลปยุรเกศานนท์สุพพิธาน เป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ หล่อมาจากประเทศจีน เป็นปูชนียวัตถุที่สำคัญในพระพุทธศาสนาประจำเมืองเบตง
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร (4)
จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ วัดพระโพธิสัตว์กวนอิม สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งศรัทธาของชาวเบตง เป็นที่ประดิษฐานขององค์เทพ อาทิ เจ้าแม่กวนอิม ท่านแป๊ะกง ท่านกวงกง เจ้าแม่จิวหวังเหย่ ยี่หวังต้าตี้ หวาโถ่วเซียนซื่อ ขงจื๊อ มีจุดเด่นคือเจดีย์ 7 ชั้นอันโดดเด่น สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2509 โดยผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมกันบริจาคเงิน มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวมาเลเซียที่เลื่อมใสศรัทธาเดินทางมาสักการะขอพรด้านการมีบุตรและโชคลาภ
จากนั้น นำท่านเดินทางไปชิมของหวาน เฉาก๊วยยอดฮิตเมืองเบตง ที่ทำขายมากว่า 40 ปี มีความนุ่ม หอม อร่อย ที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติล้วน ๆ สำหรับคนใต้เฉาก๊วยเราจะเรียกกันจนติดปากว่า “วุ้นดำ”
จากนั้น นำท่านสู่ สวนหมื่นบุปผา หรือ สวนดอกไม้เมืองหนาว ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านปิยะมิตร 2 สวนดอกไม้นี้อยู่ท่ามกลางภูเขา สวนนี้เกิดขึ้นจากโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ได้พระราชทานนามสวนแห่งนี้ว่า ว่านฮัวหยวน หรือ แปลเป็นไทยว่า สวนหมื่นบุปผา อุโมงค์ปิยะมิตร สถานที่ทางประวัติศาสตร์ ที่ในอดีตเป็นฐานเคลื่อนไหวทางการทหารของพรรคคอมมิวนิสต์มลา ภายในอุโมงค์มีโรงพยาบาลสนาม ห้องส่งสัญญาณวิทยุระยะไกล ห้องปฏิบัติงานวางแผน ในส่วนของพื้นผิวด้านบนของอุโมงค์มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมหนา
จากนั้น นำท่านเดินทางไปยัง บ่อน้ำร้อนเบตง เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่ โดยจะมีน้ำร้อนผุดขึ้นมาจากใต้ดิน ประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆ มากมาย อุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ประมาณ 80 องศาเซลเซียส ซึ่งตรงจุดที่มีน้ำเดือดนี้ สามารถต้มไข่ไก่ได้จนสุกภายใน 10 นาที ทางจังหวัดยะลาได้ปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบบ่อน้ำร้อน ให้มีความสวยงาม แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ เพื่อให้เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนหย่อนใจ และส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ จากนั้น นำท่านแวะชม และ ถ่ายรูปด้านนอก ศาลาประชาคม ชมหอนาฬิกาโบราณและตู้ไปรษณีย์ยักษ์ที่ได้จำลองแบบมากจากของเดิมที่อยู่ในตัวเมืองเบตง
เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (5)
พักที่ Grand Mandarin Betong
05.00 น. นำท่านขึ้นสกายวอล์คชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ขึ้นชื่อในเรื่องของการชมพระอาทิตย์ขึ้น ควบคู่ไปกับการชมทะเลหมอกอันสวยงาม จุดเด่น คือ ไม่ว่าคุณจะมาฤดูไหน หรือช่วงเวลาไหน ท่านก็มีโอกาสที่จะได้เห็นวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าที่เป็นทะเลหมอกตลอดทั้งปี (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ)
เช้า รับประทานอาหารเช้า(6)
สมควรแก่เวลานำคณะเดินทางต่อไปยัง สะพานแขวนแตปูซู แวะถ่ายรูปกับสะพานไม้ สะพานแขวนแห่งนี้ใช้งานมาหลายสิบปี วัตถุประสงค์หลักที่สร้างขึ้นนั้น ในอดีตชาวบ้านใช้ขนถ่ายสินค้าทางการเกษตร เช่น ผลไม้ ยางพารา และใช้สัญจรของชาวสวนในพื้นที่ ตัวสะพานมีความกว้าง 1.8 เมตร ยาว 100 เมตร
จากนั้นพาท่านขอพร วัดช้างให้ หรือ วัดราษฎร์บูรณะ เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปี ตามตำนานกล่าวว่า พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองใหม่ให้กับน้องสาว จึงได้เสี่ยงอธิฐาน ปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า โดยมีเจ้าเมืองและไพร่พลเดินติดตามไป จนมาถึงวันหนึ่ง ช้างได้หยุดอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง แล้วร้องขึ้นสามครั้ง พระยาแก้มดำจึงได้ถือเป็นนิมิตที่ดี จะใช้บริเวณนั้นสร้างเมือง แต่น้องสาวไม่ชอบ พระยาแก้มคำจึงให้สร้างวัด ณ บริเวณดังกล่าวแทน แล้วให้ชื่อว่า วัดช้างไห้
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (7)
จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ มัสยิดกลางสงขลา หรือชื่อเต็มว่า มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม ตั้งอยู่ที่ ตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ศาสนสถานของพี่น้องชาวมุสลิม ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างดีของชาวสงขลา และนักท่องเที่ยว เพราะมีลักษณะสถาปัตยกรรมที่สวยสง่างดงาม โดยด้านหน้าจะมีสระน้ำทอดยาวราว 200 เมตร ทำให้มัสยิดนี้ดูคล้ายกับทัชมาฮาลที่อินเดียจนได้ขนานนามว่าเป็น ทัชมาฮาลเมืองไทย
อิสระให้ท่านช้อปปิ้งที่ ตลาดกิมหยง ให้ท่านได้เลือกซื้อของฝากอาทิเช่น อาหารแห้ง กาแฟ ขนมขบเคี้ยว ถั่วต่างๆ เครื่องสำอาง และเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้ท่านได้เลือกช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
ค่ำ อิสระอาหารค่ำ
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบินหาดใหญ่
21.10 น. ออกเดินทางบินลัดฟ้ากลับสู่หาดใหญ่ โดย สายการบิน
สายการบิน แอร์เอเชีย (Air Asia) เที่ยวบินที่ FD 3113 เดินทางระหว่างเวลา 22:00 - 23:35
**ขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนสายการบิน ในกรณีที่มีการยกเลิกเที่ยวบิน, การเปลี่ยนแปลงเวลาเดินทางของเที่ยวบินหรือจำนวนที่นั่งไม่เพียงพอ **
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง
22.40 น. เดินทางถึง สนามบินดอนเมือง โดยสวัสดิภาพ พร้อมด้วยความประทับใจ